ดูหนังออนไลน์ Bleach (2018) บลีช เทพมรณะ (ภาคคนแสดง)

Bleach (2018) บลีช เทพมรณะ อิจิโกะ ดูหนัง

Bleach (2018) บลีช เทพมรณะ อิจิโกะ ดูหนัง นักเรียนมัธยมปลายได้รับพลังของยมทูตมาโดยไม่คาดฝันและอยากมอบพลังนี้คืน แต่ก่อนอื่นเขาต้องออกล่าวิญญาณผู้คนเสียก่อน ซึ่งผมยอมรับเลยว่าไม่เคยอ่าน เลยอาจจะมิได้เขียนในรายอะไรอะไรที่เกี่ยวกับมังงะได้ เขียนได้แม้กระนั้นมุมมองของความเป็นหนังสักเรื่องหนึ่งว่า ทำออกมาแล้วผลที่เกิดมันเป็นเยี่ยงไร

ตัวอย่างหนัง

เรื่องย่อของ Bleach

อิจิโกะ ชายหนุ่มเด็กนักเรียน ม.ปลาย ผู้สามารถเห็นวิญญาณได้ แล้ววันหนึ่งเขาก็บังเอิญได้เจอยมทูตสาวนามว่า รูกิยะ ในเวลาที่คุณกำลังล่าวิญญาณร้าย รวมทั้งด้วยเหตุการณ์บังคับทำให้คุณจำเป็นต้องมอบพลังยมทูตให้แก่เขาเพื่อฆ่าวิญญาณร้าย ความยุ่งยากกำเนิดตามมาต่อจากนั้นเพราะเหตุว่ารูกิยะไม่อาจจะนำพลังกลับมาได้ คุณก็เลยจะต้องฝึกฝนอิจิโกะเพื่อฆ่าวิญญาณร้ายตัวสำคัญแทนคุณ ก่อนที่จะยมโลกจะทราบดีว่าคุณเสียพลังยมทูตไป แล้วจะส่งยมทูตผู้คุมกฏมาฆ่าทั้งยังคุณรวมทั้งอิจิโกะ!!

รีวิว BLEACH

นี่เป็นหนังช่องเน็ตฟลิกซ์ที่ทำจากมังงะโด่งดัง และก็มีคนรักๆรอรอสูงที่สุดเรื่องหนึ่ง ซึ่งในบ้านพวกเราเคยพิมพ์ฉบับแปลไทยในชื่อ บลีชเทวดามรณะ โดยเนชั่นกลุ่มมาแล้ว สำหรับเพื่อการแปลงเป็นหนังคราวนี้ได้ ซาโต้ เคยชินสุเกะ ผู้กำกับที่พักหลังท็อปฟอร์มกับการปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงมังงะฉบับคนแสดงหลายต่อหลายเรื่อง ดังเช่น Gantz (2010) I Am a Hero (2015) และก็ปัจจุบันที่เพิ่งจะลงโรงในบ้านพวกเราไปอย่าง Inuyashiki (2018) เป็นคนไหนกันแน่จะว่ายังไงไม่รู้จักนะแต่ว่าส่วนตัวผมคิดว่าเขาเป็นผู้กำกับที่รู้เรื่องความเป็นมังงะ รวมทั้งการแปลงเป็นหนัง ที่เก่งที่สุดในยุคนี้แล้วล่ะ ขั้นต่ำงานเขาก็ไม่ล้นกระทั่งราวกับมองคนวิปลาสแบบหนังจากมังงะของผู้กำกับ ทาติดอยู่ชิ ไม่อิเกะ น่ะ ซึ่งบางเรื่องไม่อิเกะเอ็งดีแล้วนะ อย่าง Blade of the Immortal (2017) ที่ลงช่องเน็ตฟลิกซ์เช่นกันนี่ก็ใช้ได้เลย แม้กระนั้นพอเพียงไม่ใช่แนวซามูไรที่เอ็งถนัดนี่เหลวตุ้มเป๊ะจริงๆทั้งยัง Terra Formars (2016) อีกทั้ง JoJo’s Bizarre Adventure: Diamond Is Unbreakable – Chapter 1 (2017) ตกลงว่าในสายตาผม คุ้นชินสุเกะ เป็นพอดีแล้วกับงานดูแลมังงะ

ด้านบทก็ได้ ฮาบาระ ไดสุเกะ ที่เคยเขียนบทหนังรางวัลภาพยนตร์ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่นอย่าง Hula Girls (2006) มาแล้ว ฝั่งหนังจากมังงะเขาก็ยังเคยเขียนบทให้อีกทั้ง The Prince of Tennis (2006) แล้วก็ Kitaro (2007) มาแล้ว ก็เชื่อของหวานกินได้ระดับหนึ่งว่าไม่ขอคืนดีงแง้งแน่ๆ แล้วก็พอสมควรจริงก็สารภาพว่าผู้เขียนบทและก็ผู้กำกับตกลงใจได้พอดิบพอดีกับการตัดมังงะความยาวกว่า 74 เล่มจบ เอามาเล่าเพียงแค่ตอนต้นที่ดารานำชายพึ่งรู้จักยมทูตเนื่องจากจะยังไม่สลับซับซ้อนมากจนเกินไป คนไม่เคยทราบมังงะมาก่อนก็จะยังมองได้สนุกสนานอยู่ระดับหนึ่ง แม้กระนั้นก็มีความคิดว่าหนังน่าจะกล้าตัดผู้แสดงบางตัวออกไปก่อนเพื่อไม่ให้ผู้ชมงงเต็กเหมือนกันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อิชิดะ อุริว นี่ยิ่งไม่สมควรใส่มาเลย เนื่องจากว่าจะขยายความเรื่องเชื้อสายศัตรูยมทูตให้งงงวยไปกันใหญ่ทั้งไม่มีหน้าที่เท่าไรนักในตอนต้นด้วย แม้กระนั้นหากคิดว่ากลุ่มสร้างคาดหมายให้มีภาคต่อนี้ก็เริ่มเข้าใจได้

และก็โน่นคงจะเป็นจุดอ่อนใหญ่เลย ที่ทำให้การเล่าของหนังยังไม่เข้มข้นซักเท่าไหร่ หากแม้ขนาดว่า 40 – 50 นาทีข้างหลัง หรือเป็นแทบครึ่งเรื่องข้างหลังของหนังจะอัดเต็มไปด้วยแอ็กชั่นต่อกันรัวๆตามที แม้กระนั้นเนื่องจากคนที่ไม่รู้จักมังงะมาก่อนจำเป็นต้องมานั่งจำข้างต่างๆเยอะแยะทั้งยังมนุษย์ฝั่งดารานำชาย มนุษย์ฝั่งศัตรูกับยมทูต ยมทูตฝั่งผู้แสดงนำชาย ยมทูตฝั่งผู้คุมกฏ วิญญาณฝั่งดี วิญญาณฝั่งร้าย โอยยยย มันก็ทำให้มองลื่นเพลิดเพลินใจได้ยากไปนิดล่ะนะ แม้กระนั้นถามคำถามว่าคอมังงะจะรู้สึกอย่างไร วัดจากส่วนตัวนี่เป็นถูกใจเลย เนื่องจากว่าได้มองเห็นผู้แสดงจากมังงะตัวนั้นตัวนี้มามากเลย แถมการแคสติ้งก็มีเหตุผลไม่มองขบขันอ้อนแอ้นเรื่องเลย

อีกทั้งผู้แสดงนำชายอิจิโกะที่ได้ ฟุกุชิ โซตะ หรือเด็กๆคงจะรู้จักในชื่อ มาสค์ไรเดอร์โฟร์เซ ส่วนฝั่งที่คัดเลือกมาหน่อยคงจะคุ้นตาจากหนังรักน้ำดีอย่าง Tomorrow I Will Date with Yesterday’s You (2016) ซึ่งการที่เขาทำสีผมทองคำตามค้างแรกเตอร์รอบนี้ไม่มองขัดหูขัดตาเลยสักหน่อย แถมสะท้อนความเป็นอิจิโกะตามมังงะได้ยอดเยี่ยมด้วย ด้านยมทูตสาวรูกิยะก็ได้ สุจิซากิ ฮานะ ที่เคยร่วมงานกับโซตะมาแล้วในเรื่อง Blade of the Immortal (2017) ซึ่งลุคของคุณที่เสมือนซามูไรสาวก็ถูกกันดีกับความเป็นยมทูตแม้ว่าจะห่างจากภาพในมังงะไปหน่อยก็ตาม แต่ว่าด้านความเชื่อได้มันก็ยังได้อยู่

ส่วนตัวละครอื่นก็คัดเลือกได้ดิบได้ดีเลย ทั้งยัง แชด (วัวยานางิ ยู) ที่ดุเข้มหล่อโก้กว่าในมังงะ โอริฮิเมะ (มาโนะ เอรินะ) ที่งามจนถึงจะต้องหยุดดู (เอรินะคุณเพิ่งจะสมรสไปเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาทำเอาแฟนคลับร่ำไห้กันทั่วเลย TT) หรือจะฝั่งยมทูตที่ได้ ไม่ยาบิ นักร้องร็อกมีชื่อมาร่วมแสดงภายหลังพึ่งจะไปหยั่งเชิงโผล่ประกอบในหนังของ แองเจลิที่นา โจลี่ อย่าง Unbroken (2014) รวมทั้งมาโผล่แบบแมสขึ้นในหนัง Kong: Skull Island (2017) ด้วย สำหรับบท เบียคุยะ ยมทูตผู้คุมกฏในหนังหัวข้อนี้ ไม่ยาบิก็ใช้บรรยากาศส่วนตัวของเขาสร้างความเข้มกางและก็น่าสยองได้อย่างดียิ่งเลย เป็นรวมๆบอกเลยว่าแคสติ้งเจ๋งมาก

อีกส่วนที่จำเป็นต้องดูเป็นการออกแบบงานต่อสู้ที่ได้ดูดุดันร้ายแรงดี ไม่ว่าจะเป็นการเตะต่อยทั่วๆไปจนกระทั่งงานร่วมกับซีจี ซึ่งเป็นอะไรที่หนังของคุ้นชินสุเกะทำเป็นโอเคมาตลอดนะ ส่วนที่จำต้องตำหนิก็ตามที่เล่ามาล่ะนะครับเป็นหนังเล่าอะไรมากมายไปนิดทำให้ความพอใจไม่จุดโฟกัสไปที่จุดเดียวมากพอจนกระทั่งแผนภูมิอารมณ์มันไม่พุ่งไปถึงที่สุด และก็รากฐานการเล่ามันก็ทายใจได้ทั้งยังเรื่องล่ะเนื่องจากว่ามาตามแบบมังงะเป๊ะ แถมมันเป็นมังงะสายลูกผู้ชายที่สูตรคงที่โคตรๆแทบจะไม่มีอะไรจำต้องลุ้นเลย แม้กระนั้นหากดูในด้านหนังจากมังงะนี่เป็นดีตามมาตรฐานไม่มีอะไรให้ก่นดุเลยนะครับ ถูกใจนะต้องการที่จะให้มีภาคต่อ แม้กระนั้นก็คงจะยากอยู่